ถุงมือแพทย์ชนิดมีแป้ง : ควรใช้หรือไม่

ถุงมือแพทย์ ปกติทางเวป siamglove.com ไม่ค่อยได้เขียนบทความเกี่ยวกับถุงมือแพทย์ชนิดมีแป้ง มากนัก เพราะเชื่อว่าท่านผู้อ่านคงคุ้นเคยกับถุงมือแพทย์ชนิดนี้มากแล้ว เพราะพบเห็นได้มากที่สุดทั้งในโรงพยาบาล โรงงาน ร้านขายยา เพราะเป็นถุงมือที่ใช้กันในวงกว้าง

แม้ว่าเมื่อเทียบระหว่างถุงมือแพทย์แบบมีแป้ง (Powdered) กับถุงมือแพทย์แบบไม่มีแป้ง (Powder Free) จะดูเหมือนถุงมือแพทย์แบบไม่มีแป้งจะดีกว่าเกือบทุกด้าน แต่ราคาสูงกว่าเท่านั้น แต่จริงๆ ถุงมือแพทย์แบบมีแป้งก็มีข้อดีอยู่หลายข้อทีเดียวครับ

ถุงมือแพทย์เหมือนกับถุงมือแพทย์แบบไม่มีแป้งอย่างไร

หน้าที่หลักของถุงมือแพทย์มีแป้งก็เหมือนกับถุงมือแพทย์แบบไม่มีแป้งคือ ป้องกันของสิ่งสกปรก มาสัมผัสมือ โดยเฉพาะการทำงานที่มีความเสี่ยงสูง การสวมถุงมือแพทย์ ไม่ว่าจะมีแป้งหรือไม่ก็ตาม จะช่วยป้องกันการสัมผัสสิ่งต่างๆได้

คุณสมบัติอีกชนิดของถุงมือแพทย์ชนิดมีแป้ง คือมีความหนาพอที่จะปกป้องมือผู้สวมใส่จากสารเคมีอันตรายได้ระดับหนึ่ง ซึ่งจะเป็นรองเพียงถุงมือแพทย์แบบไม่มีแป้งและถุงมือไนไตร ที่มีความหนาใกล้เคียงกันเท่านั้น ดังนั้นหากผู้สวมใส่ ทำงานที่ต้องสัมผัสสารเคมีที่อันตรายระดับหนึ่ง ก็สามารถใช้ถุงมือแพทย์ชนิดมีแป้งได้ ดังนั้นการสวมถุงมือจึงช่วยเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยได้มาก

ถุงมือแพทย์แบบมีแป้งต่างจากถุงมือแพทย์แบบไม่มีแป้งอย่างไร

จริงๆแล้วข้อแตกต่างของถุงมือแพทย์ชนิดมีแป้งกับถุงมือแพทย์ชนิดไม่มีแป้ง มีหลายอย่าง เช่นความหนา สี (อันเนื่องมาจากกระบวนการผลิตที่แตกต่างกันเล็กน้อย) แต่ที่เราเห็นได้ชัดเจนก็คือ เราจะพบแป้ง ในถุงมือแพทย์ชนิดมีแป้ง

แป้งในถุงมือนั้นโดยมาก จะเป็นแป้งข้าวโพด (corn starch) ซึ่งเป็นแป้งที่เรานำมาประกอบอาหาร ไม่มีอันตรายใดๆ แปลว่าเราสามารถสัมผัสแป้งนั้นได้โดยไม่มีอาการแพ้

 

:

แต่…

:

เมื่อแป้งนั้นมาอยู่ในถุงมือแพทย์จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลยครับ เพราะอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ (สำหรับบางคน..) เนื่องจากถุงมือแพทย์จะมีโปรตีน ซึ่งอยู่ในน้ำยางธรรมชาติ อาจทำปฎิกิริยากับแป้งซึ่งกระตุ้นอาการแพ้ได้ครับ

นอกจากนี้ ถึงแม้คุณเป็นคนที่ไม่แพ้แป้ง แต่การที่คุณสวมถุงมือมีแป้งทำงาน เหงื่อที่มือจะออกมาผสมกับแป้ง และขังอยู่ในถุงมือ (ถุงมือยาง ไม่มีรูระบายนะครับ) ก็จะสร้างความรำคาญได้

ที่กล่าวมาก็เป็นข้อเสียของถุงมือแพทย์แบบมีแป้ง แต่ถ้าคุณไม่แพ้แป้ง และสวมถุงมือทำงานเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก็จะไม่มีปัญหาอะไรครับ

ข้อดีของถุงมือแพทย์ชนิดมีแป้งมีอะไรบ้าง

ถุงมือแพทย์แบบไม่มีแป้งมีข้อดีต่างหลายข้อเลยครับ แม้ว่าดูเผินๆอาจจะสู้ถุงมือประเภทอื่นไม่ได้ (นอกจากราคา) ผมสรุปสั้นๆเท่าที่คิดได้ ดังนี้เลยครับ

1) เนื่องจากโดยทั่วไปถุงมือแพทย์ชนิดมีแป้งจะบางกว่าถุงมือแพทย์แบบไม่มีแป้งและถุงมือไนไตร ดังนั้นจึงสวมใส่ทำงานได้สะดวกกว่า ผู้สวมใส่อาจจะไม่รู้สึกเลยว่ากำลังสวมถุงมือทำงานอยู่เลยก็ได้

2) ถุงมือแพทย์ชนิดมีแป้ง จะใส่แป้งลงไปผสมเล็กน้อย ซึ่งแป้งในถุงมือแพทย์จะช่วยให้ผู้สวมใส่ ใส่ถุงมือได้ง่ายขึ้น เพราะแป้งจะทำหน้าที่หล่อลื่นถุงมือ ทำให้เราสวมใส่ถุงมือได้ง่าย

3) บางครั้งมือของเราอาจเปียกชื้น อันเนื่องมาจากเหงื่อจากการทำงาน (โดยเฉพาะการสวมถุงมือยางเป็นเวลานาน จะมีเหงื่อที่มือออกมามาก) การสวมใส่ถุงมือแพทย์แบบมีแป้ง จะทำให้เราสวมใส่ได้ง่าย เพราะแป้งในถุงมือนอกจากจะทำหน้าที่หล่อลื่นแล้ว ยังดูดซับความชื้นขณะที่เราสวมใส่ถุงมือด้วย

4) เนื่องจากถุงมือแพทย์ชนิดมีแป้ง มีกรรมวิธีในการผลิตที่ซับซ้อนน้อยกว่าถุงมืออื่นๆ เพราะไม่ต้องผ่านกระบวนการขจัดแป้งออกเหมือนกับถุงมือที่ชนิดไม่มีแป้ง (Powder Free) ด้วยเหตุนี้จึงมีราคาถูกกว่า (กระบวนการผลิตน้อยกว่า) และยิ่งถุงมือแพทย์ เป็นถุงมือประเภทใช้แล้วทิ้ง การที่เราสามารถซื้อได้ในราคาต่ำ จึงสามารถช่วยให้เราประหยัดเงินได้มาก

5) ถุงมือแพทย์ชนิดมีแป้ง ผลิตจากยางธรรมชาติ จึงสามารถหาซื้อได้ง่าย ตามร้านค้าทั่วไป โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับถุงมือประเภทอื่นทั้ง ถุงมือแพทย์ชนิดไม่มีแป้ง หรือ ถุงมือไนไตร หากถุงมือที่มีอยู่เกิดหมดขึ้นมา ผู้ใช้สามารถหาซื้อถุงมือแพทย์ชนิดไม่มีแป้งมาทดแทนได้ทันที

บทความที่ผมเขียนวันนี้ ไม่ได้เชียร์หรือแนะนำไม่ให้ใช้ถุงมือแพทย์ชนิดมีแป้งนะครับ ทั้งถุงมือแบบมีแป้งและแบบไม่มีแป้ง ล้วนมีข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมในการใช้งานต่างๆกัน การเลือกใช้ถุงมือให้เหมาะสม นอกจากจะได้ถุงมือที่มีประสิทธิภาพ ทำงานได้ไวขึ้น, คล่องขึ้นแลัว ทำให้เราได้ถุงมือแพทย์ราคาถูก เพื่อรักษาต้นทุนได้อย่างเหมาะสมอีกด้วยครับ

ในครั้งหน้าผมจะเขียนบทความเปรียบเทียบถุงมือในด้านต่างๆ ว่าแต่ละชนิด (ที่ทาง siamglove.com จำหน่าย) ต่างกันอย่างไร แต่ละชนิดมีคุณสมบัติเด่น หรือด้อยกว่าอย่างไร เพื่อให้คุณผู้อ่านเลือกใช้ถุงมือให้เหมาะสมอย่างละเอียดเลยครับ

สงวนลิขสิทธิ์ภาพและบทความครับ

Similar Posts

  • แพ้ยาง! หากแพ้ถุงมือยาง ควรทำอย่างไร

    ถุงมือแพทย์ถุงมือแพทย์ที่ใช้ หากแพ้ยางจากถุงมือต้องทำอย่างไร? ถุงมือแพทย์จากยางธรรมชาตินั้น ได้มาจากต้นยางพารา ซึ่งเดิมจะเป็นน้ำยางมีลักษณะเป็นนของเหลวขุ่นข้น แล้วผ่านกระบวนการผลิตจนเป็นถุงมือยางชนิดถุงมือแพทย์ ซึ่งในบางครั้งอาจเกิดปัญหาเรื่องการแพ้ยางกับผู้สวมใส่ อันที่จริงไม่ได้เกิดจากยางหรอกครับ แต่ปัญหาเรื่องการแพ้ยางจะเกิดเพราะโปรตีนที่อยู่ในยางธรรมชาติมากกว่า ตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา โปรตีนจากยางธรรมชาติซึ่งใช้ในการผลิต ถุงมือยาง ถุงยาง ลูกโป่ง หนังยาง ยางลบ และของเล่น ได้สร้างปัญหาแก่ผู้สวมใส่ที่มีอาการแพ้ จวบจนกระทั่งในปี 1990 ได้มีกาคิดค้นยางสังเคราะห์ หรือยางธรรมชาติแบบชนิดไม่มีแป้งขึ้นมาได้ ทำให้ปัญหาเรื่องการแพ้แป้งลดลงไปอย่างมาก

  • ถุงมือแพทย์ไม่มีแป้ง:ควรใช้หรือไม่

    ถุงมือแพทย์ไม่มีแป้ง จะมีก่อให้เกิดการแพ้แป้งแก่ผู้สวมใส่ แต่การที่ไม่มีแป้ง จะทำให้สวมถุงมือยากขึ้น บทความนี้เราจะรู้ว่าควรใช้ถุงมือชนิดไม่มีแป้งหรือไม่

  • ถุงมือไนไตรกับกระบวนการแปรรูปสุกร

    สุกร (swine) ถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญมากในประเทศไทย ชาวไทยบริโภคสุกรเป็นจำนวนมากในแต่ละปี และยังมีปริมาณมากพอที่จะส่งออกเพื่อสร้างรายได้ให้แก่กระเทศเป็นจำนวนมากในแต่ละปีอีกด้วย และการส่งออกสุกรนั้น สร้างรายได้ให้กับผู้เกี่ยวข้องในส่วนต่างๆของ ห่วงโซ่อุปทานนี้ไม่น้อยในแต่ละปี ตั้งแต่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร จนถึงผู้ค้าปลีกเนื้อสุกรในตลาด รวมถึงผู้ค้าผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคสุกรและการเลี้ยงสุกรอีกด้วย ทั้งนี้ยังมีผู้เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานอีกประเภทที่เราจะขาดเสียไม่ได้เลย ก็คือผู้ชำแหลและแปรรูปสุกร ซึ่งหากปราศจากขั้นตอนนี้แล้ว เราคงจะไม่มีเนื้อหรือส่วนต่างๆเอาไว้บริโภคเป็นแน่ และกระบวนการนี้มีความซับซ้อนมากกว่าการฆ่าและชำแหละเป็นชิ้นๆ การชำแหละและแปรรูปสุกรที่ถูกต้อง จะต้องคำนึงถึงสุขอนามัยของผู้บริโภคและธรรมาภิบาลในการดูแลสัตว์อย่างถูกต้องตามหลักการและมาตรฐานอื่นๆที่จำเป็นอีกด้วย ปัจจุบันมีโรงงานผลิตและแปรรูปสุกรจำนวนมากกระจายอยู่ตามภาคต่างๆ โดยหลักการแล้วเราอาจสงสัยว่าโรงงานหรือกระบวนการแปรรูปสุกรที่มีคุณภาพนั้นเป็นอย่างไร กระบวนการแปรรูปสุกร ก่อนที่เราจะนำสุกรมาผ่านการแปรรูป เราต้องควบคุมคุณภาพเนื้อสุกรตั้งแต่เริ่มต้น ต้องเริ่มตั้งแต่การผสมพันธุ์ โดยในปัจจุบันจะใช้การผสมเทียม ฉีดน้ำเชื้อเข้าไปที่ตัวแม่พันธุ์ และรอจนกระทั่งแม่สุกรคลอดลูกสุกรออกมา ในคราวหนึ่งจะคลอดประมาณ 10 ตัว หลังจากที่ลูกสุกรอยู่กับแม่สุกรไประยะหนึ่ง ก็จะแยกตัวลูกออกมาเลี้ยงในโรงอนุบาลลูกสุกรต่างหาก จนลูกสุกรเติบโตได้ขนาดที่เหมาะสมแล้ว ก็จะส่งไปโรงขุนเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้ได้น้ำหนักที่ต้องการ เมื่อได้น้ำหนักที่ต้องการแล้ว ซึ่งปัจจุบัน จะอยู่ที่ประมาณตัวละ 100 กิโลกรัม ก็จะทำการขายสุกรนั้นออกไปให้แก่โรงชำแหละ

  • ถุงมือไนไตร – ทำไมจึงเหมาะที่ใช้ในอุตสาหกรรมห้องเย็น

    สำหรับท่านที่อยู่ในอุตสาหกรรมห้องเย็น หรือประกอบกิจการทำงานในโรงงานที่ต้องใช้ห้องเย็น และหากท่านต้องใช้ถุงมือเพื่อการทำงาน ถุงมือไนไตรก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่เหมาะสม บทความนี้ถึงข้อดีในการใช้ถุงมือไนไตรในอุตสาหกรรมห้องเย็นครับ

  • ถุงมือแพทย์ : ชนิดใช้แล้วทิ้ง เอาไปใช้อะไร

    ยางธรรมชาติเป็นวัตถุดิบสำคัญหลักในการผลิตถุงมือแพทย์ชนิดใช้แล้วท้ิง โดยสามารถนำไปผลิตถุงมือแพทย์มีแป้ง และถุงมือแพทย์ไม่มีแป้ง และส่วนผสมวัตถุดิบอืนของถุงมือแพทย์จะทำมาจากวัสดุธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังมีสารเคมีอื่นๆที่ผสมลงไป เพื่อให้ได้ถุงมือแพทย์หรือถุงมือยางมา ถุงมือยางธรรมชาติชนิดใช้แล้วทิ้งนี้ผลิตขึ้นครั้งแรกในปี 1894 หรือ พ.ศ. 2437 (100 ปีก่อน) และ W.S. Halsted เป็นนายแพทย์ชาวอเมริกันคนแรกที่สวมถุงมือแพทย์ชนิดฆ่าเชื้อเพื่อรักษาคนไข้

  • ถุงมือไนไตร: ดีอย่างไร ต่างจากถุงมือยางธรรมชาติอย่างไร

    ถุงมือไนไตรทำมาจากยางสังเคราะห์ (synthetic latex) โดยถุงมือไนไตรใช้เพื่อป้องกันของมีคมบาดมือหรือนิ้ว เนื่องจากถุงมือไนไตรมีความเหนียว ทนต่อของมีคมเป็นพิเศษและทนต่อการขาด โดยเฉพาะอย่ายิ่งเมื่อเปลี่ยบเทียบกับถุงมือแมีพทย์มีแป้งและไม่มีแป้งก็ตาม ถุงมือไนไตรสีฟ้า สีม่วงหรือไม่ว่าสีใดๆ จะมีความทนทานมากกว่า 3 เท่าโดยเฉลี่ยในแง่ของทั้งทนต่อของมีคม และหรือสารละลาย หรือสารเคมีอื่นๆ เมื่อเปรียบเทียบกับถุงมือยางธรรมชาติแล้ว ถุงมือไนไตรค่อนข้างลื่นกว่าสามารถสวมใส่ได้ง่ายกว่าถุงมือยางธรรมชาติ นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ถุงมือไนไตรเป็นที่นิยมมากกว่าถุงมือไวนิล และถุงมือยางธรรมชาติ ยิ่งกว่านั้นถุงมือไนไตรยังมีคุณสมบัติทนต่อสารเคมี จำพวกสารละลาย อย่างไรก็ตามครับ เมื่อท่านจะซื้อถุงมือไนไตร สิ่งที่ควรทราบสำหรับถุงมือนี้มีหลายข้อดังนี้