ถุงมือยางไนไตร : สุดยอดถุงมือสำหรับงานอิเล็กทรอนิกส์

ถุงมือยางไนไตร : สุดยอดถุงมือสำหรับงานอิเล็กทรอนิกส์

จากบทความก่อนหน้าเรื่อง “ถุงมือไนไตรเป็นอย่างไร” เราทราบมาว่า ถุงมือยางไนไตร ผลิตมากจากยางสังเคราะห์ ดังนั้นจึงมีความยืดหยุ่น และเหนียว ทนทาน ฉะนั้นเราจึงใช้ถุงมือไนไตร ในอุตสาหกรรมต่างๆเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ใช้ในอุตสาหกรรม ยา อาหาร เครื่องจักร ยานยนต์ หรือแม้แต่ใช้ในบ้าน. แต่ที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบันก็คือ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยเราจะสวมถุงมือไนไตร ทำงานตามแผนกต่างๆในโรงงานอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ครับ

อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในบ้านเรา โดยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์แบ่งคร่าวๆได้ 3 แบบคือ Upstream Industry, Midstream Industry, Downstream Industry หมายถึงอุตสาหกรรมต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำตามลำดับ โดย อุตสาหกรรมต้นน้ำก็จะเป็นพวกอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐานสำหรับการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การผลิตแผ่นเวเฟอร์ (Wafer Fabrication) ส่วนอุตสาหกรรมกลางน้ำก็จะเป็นการผลิตชิ้นส่วน ที่เป็นส่วนประกอบของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น IC, Capacitor เป็นต้น และ อุตสาหกรรมปลายน้ำก็จะเป็นการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ ทีวี โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น โดยอุตสาหกรรมทั้งสามแบบ จะต้องมีถุงมือไนไตรเข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมากครับ ทำไม?
Right004

คุณผู้อ่านคงสงสัยว่าทำไมงานในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จึงต้องใช้ถุงมือไนไตร ข้อเท็จจริงก็คือ ยอดใช้ถุงมือไนไตรของ Siamglove.com จำนวนมากก็มาจากกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (นอกเหนือจาก อาหาร เครื่องจักร และยานยนต์) ส่วนเหตุผลที่ถุงมือไนไตร (ไม่ว่าจะเป็น ถุงมือไนไตรสีขาว ถุงมือไนไตรสีฟ้า และถุงมือไนไตรสีม่วงก็ตาม) เป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ก็เพราะ

1. คุณภาพและความแข็งแรงของถุงมือไนไตร เหมาะสมกับงานอิเล็กทรอนิกส์

งานอิเล็กทรอนิกส์ เป็นงานที่มีความซับซ้อนและละเอียดอ่อน (ท่านที่ทำงานอยู่ในฟิวส์นี้จะเข้าใจเป็นอย่างดี) งานประกอบชิ้นส่วนเล็กๆ หรืองานซ่อมบำรุง ต่างก็เป็นงานที่ต้องใช้ความระมัดระวังสูง และงานประเภทนี้จะใช้มือและสายตาเป็นอย่าง

มาก ผู้ปฎิบัติงานจะมีอาการปวดตา เมื่อยมือ (จริงๆคือนิ้ว) หรือบาดเจ็บที่มือ ลองนึกภาพว่าเราต้องหยิบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ชิ้น

เล็กๆ แข็งๆ กด ประกอบบนแผงวงจร เป็นเวลานานๆ มือก็จะเมื่อย ช้ำ หรือเจ็บมือได้   การเลือกใช้ถุงมือที่ถูกต้องจะลดปัญหาดังกล่าว (ลดปัญหาเรื่องมือ แต่ไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องปวดตานะครับ) เพราะว่า…

ถุงมือไนไตรเข็งแรง (sturdy) เพราะมีสารไนไตรบิวทาไดอีน จึงทนต่อการสึกหรอ แม้ว่าผู้สวมใส่ ไปจับชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่แหลมคม ก็ไม่ทำให้ถุงมือขาดง่ายๆ แน่นอนครับ หากถุงมือไม่ขาดแล้ว มือเราที่อยู่ข้างในก็ย่อมปลอดภัยไปด้วย

2. ความสวมใส่สบาย และสะดวกขณะทำงาน

อย่างที่กล่าวมาแล้วว่างานในอิเล็กทรอนิกส์ เป็นงานที่มือเราอาจเมื่อยล้า ซึ่งเราไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้เลย ดังนั้นสิ่งที่เราพอจะทำได้ก็คือ ต้องหาถุงมือที่ช่วยให้เราทำงานได้สะดวกสบายที่สุด ดังนั้นถุงมือไนไตรจึงเป็นคำตอบครับ

ถุงมือหลายชนิด จะใหญ่ เทอะทะ แม้ว่าจะป้องกันคมจะชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่เมื่อสวมใส่แล้ว เราอาจจะทำงานไม่ได้เลยก็ได้ เพราะความที่ถุงมือหนาเกินไป หยิบจับงานชิ้นเล็กๆ ก็ไม่คล่องแคล่ว แต่ถุงมือไนไตรเป็นถุงมือที่บาง เวลาสวมใส่แล้วไปหยิบจับชิ้นงาน ผู้สวมจะรู้สึกเหมือนได้สัมผัสชิ้นงานนนั้นโดยตรง จึงรู้สึกทำงานง่ายขึ้น คล่องตัวขึ้น

3. การป้องกันผู้สวมใส่

ลูกค้าที่ใช้ถุงมือไนไตรของ Siamglove.com เล่าให้ฟังว่า งานอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากจะทำให้มือเราเมื่อยล้า หรือบาดเจ็บได้แล้ว บางครั้ง งานดังกล่าวอาจเป็นอันตรายต่อเราด้วย เพราะหลายครั้งที่งานอิเล็กทรอนิกส์ ต้องมีสารเคมีมาเกี่ยวข้อง เช่น น้ำมัน แอลกอฮอล์ กรดต่างๆ ยิ่งตอนที่เราต้องดูแลรักษาอุปกรณ์ หรือทำความสะอาดชิ้นงานต่างๆแล้ว เราต้องสัมผัสสารอันตรายเหล่านี้โดยตรง ดังนั้นการสวมถุงมือป้องกันน้ำมัน ป้องกันสารเคมี จึงเป็นทางออกเดียวครับ

ถุงมือไนไตรเป็นถุงมือที่ป้องกันสารละลายดังกล่าว ซึ่งต่างจากถุงมือแพทย์ชนิดใช้แล้วทิ้งทั่วไป ถุงมือไนไตรจะไม่ absorb สาระลายดังกล่าว จึงมั่นใจว่าจะไม่มีสารอันตรายมาสัมผัสมือผู้ใช้ สารที่ถุงมือไนไตรป้องกันได้ ทั้งป้องกันได้ดีและป้องกันได้บ้างมีอะไรบ้าง ท่านสามารถอ่านได้จากบทความนี้ของ Siamglove ครับ (คลิ๊ก)

4. ปลอดภัยจากปัญหาเรื่องการแพ้ยาง

ดังที่กล่าวมาแล้วว่างานในโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ อาจทำให้มือมีแผล อันเกิดจากการหยิบจับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตลอดเวลา การมีถุงมือที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็น และหากถามว่าเราใช้ถุงมือแพทย์ชนิดใช้แล้วจากยางธรรมชาติได้หรือไม่ ยิ่งในภาวะที่ราคายางตกต่ำ ถุงมืยางจะมีราคาถูกลง การเลือกใช้ถุงมือแพทย์ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีใช่ไหม

คำตอบคือใช่และก็ไม่ใช่ครับ ถุงมือแพทย์มีความยืดหยุ่นกว่า สวมใส่สบายกว่า หรือบางยี่ห้อ หนากว่าถุงมือไนไตร จึงป้องกันของมีคมได้ดีกว่า แต่ถุงมือแพทย์ไม่สามรถทนสารเคมีแรงๆได้ครับ เว้นเสียแต่เราจะสวมถุงมือแพทย์ไปใช้ใน Process ที่ไม่ต้องไปสัมผัสกับสารละลาย พวก น้ำมัน กรด เบส หรือ แอลกอฮอล ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่ถุงมือแพทย์ที่ผลิตจากยางธรรมชาตินั้น อาจก่อให้เกิดปัญหาเรื่องการแพ้ยาง (ในบางคน) ได้ การใช้ถุงมือไนไตรจึงเป็การตัดปัญหาดังกล่าว เว้นเสียแต่ว่าผู้สวมใส่ไม่มีอาการแพ้โปรตีนจากยางธรรมชาติแน่ๆ การใช้ถุงมือแพทย์ (ต้องแบบไม่มีแป้งด้วยนะครับ) ก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ

ในตลาดปัจจุบัน มีผู้ผลิตบางราย นำเอายางธรรมชาติมาผสมเพื่อผลิตถุงมือนไตร ซึ่งข้อดีก็คือลดต้นทุน (ในช่วงเวลายางราคาตก) และถุงมือไนไตร (แบบผสม) จะยืดหยุ่นได้มากกว่า แต่ข้อเสียคือ เนื่องจากมียางธรรมชาติผสมอยู่จึงไม่สามารถทนสารเคมีได้ดีเท่าที่ควร และยางธรรมชาติที่ผสมยังก่อให้เกิดการแพ้ยางได้ครับ

สำหรับถุงมือไนไตรของ Siamglove.com เป็นถุงมือไนไตร 100% ไม่มียางธรรมชาติเจือปน จึงมั่นใจว่าไม่มีโปรตีนในยางธรรมชาติ จึงไม่ก่อให้เกิดการแพ้ยางแน่นอนครับ

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ โดยรวมแล้วถุงมือไนไตรก็เป็นถุงมือที่เหมาะกับโรงงานอิเล็กทรอนิคส์มาก และหากท่านผู้อ่านสนใจสามารถติดต่อเราเพื่่อรับตัวอย่างฟรีไปทดลองใช้ดูนะครับ ทางบริษัทฯจำหน่ายถุงมือไนไตรราคาถูก สีฟ้า สีม่วง และสีขาวครับ

— : สงวนลิขสิทธิ์ภาพและบทความครับ : —

บทความเกี่ยวข้อง

Similar Posts

  • ถุงมือไนไตร: จะเลือกซื้ออย่างไรดี?

    เราทราบกันแล้วว่า ถุงมือยางแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน. ขึ้นกับวัตถุประสงค์การใช้งาน เช่น ถ้าคุณต้องการถุงมือที่ไม่สร้างอาการแพ้ ไม่ว่าจะอาการแพ้แป้ง แพ้ยาง แพ้โปรตีน ทนทานต่อสารเคมี พวก กรด เบส น้ำมัน ต่างๆ เหนียว ทน ไม่ฉีกขาด ไม่แตกง่าย ผมว่าในกรณีอย่างนี้ ถุงมือที่เหมาะสมน่าจะเป็นถุงมือยางไนไตร เมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการถุงมือไนไตรดีๆสักคู่ คุณก็ต้องการถุงมือที่ทนทานสามารถทนทานต่อการใช้งานหนักๆได้ และป้องกันมือคุณได้ดีตลอดการทำงาน ในปัจจุบันมีโรงงานผลิตถุงมือไนไตร ได้ผลิตถุงมือไนไตรจำนวนมากหลายแบบ หลายสี และหลายยี่ห้อ ซึ่อแต่ละเจ้าผู้ผลิต ก็สามารถผลิตถุงมือยางไนไตรที่ดี และปกป้องมือคุณได้เหมือนๆกันแล้วเราจะเลือกถุงมือไนไตรที่เหมาะกับเราที่สุดได้อย่างๆไร?

  • ถุงมือไนไตร : แล้วคุณจะลืมเรื่องการแพ้ยางไปเลย!

    สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ก็คือถุงมือยาง หรือถุงมือแพทย์ตามแต่จะเรียก คุณคงรู้ทันทีเลยว่าถุงมือแพทย์มีหน้าที่ป้องกันอันตรายขอเจ้าหน้าที่และผู้ป่วย ดังนั้นการเลือกใช้ถุงมือยางที่ดีที่สุด ย่อมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะได้ถุงมือที่สามารถป้องกันมือได้ดีที่สุด หนึ่งในถุงมือแพทย์นอกจากถุงมือแพทย์จากยางธรรมชาติแล้ว ก็คือถุงมือไนไตร ถุงมือยางในท้องตลาดทุกวันนี้มีมากมายหลายยี่ห้อ หลายแบบ แน่นอนครับ มันอาจจะยากสำหรับคุณ สำหรับผมในการที่จะเลือกซื้อถุงมือดีๆสักคู่ เพราะเราไม่รู้เลยว่าอันไหนดีที่สุด เพราะในการจะตัดสินใจเลือกซื้อสักครั้ง ก็จะมีปัจจัยต่างๆที่ต้องนำมาพิจารณา แน่นอนครับ หลักๆก็ได้แก่ ระดับการป้องกันที่เราต้องการ, ถุงมือฟิตพอดีมือไหม? และท้ายสุดคือ ราคาเท่าไหร่ (อันนี้ก็สำคัญไม่น้อย) ถุงมือยางธรรมชาติบางทีอาจก่อให้เกิดปัญหาอาการแพ้ ซึ่งมีหลายระดับตั้งแต่น้อย(ผื่นคัน) ไปจนถึงมาก(ช็อค หมดสติ) ดังนั้นในปัจจุบัน ผู้ใช้จึงหันมานิยมใช้ถุงมือไนไตรหรือถุงมือไวนิลกันมากขึ้น เนื่องจากถุงมือไนไตรและถุงมือไวนิลเป็นถุงมือจำพวก Latex Free คือไม่มีส่วนผสมของยางธรรมชาติ ทำให้มีความปลอดภัยจากการแพ้ยางธรรมชาติ

  • ถุงมือแพทย์ ถุงมือไนไตร เป็นอย่างไร เลือกใช้แบบไหนดี

    ถุงมือแพทย์ ถุงมือไนไตร เป็นอย่างไร เลือกใช้แบบไหนดี ถุงมือแพทย์บ้านเรามีถุงมือใช้อยู่หลายชนิด เช่นถุงมือที่ใช้ในงานบ้าน (ล้างห้องน้ำ ล้างจาน ทำสวน ทาสี) ถุงมือแพทย์ที่ใช้ในโรงพยาบาล ตลอดจนใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งแต่ละชนิดก็ผลิตมากจาวัสดุแตกต่างกันไป เช่นบางชนิดทำจากยางพารา บางชนิดทำจากยางสังเคราะห์ บางชนิดทำจากผ้า หนัง ทั้งหนังแท้หนังเทียม ถุงมือยาง หรือถงมือที่ทำจากยาง ก็เป็นถุงมือที่ใช้กันมาก ซึ่งมีหลายประเภททั้งใช้แล้วสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ เช่นถุงมือ Household หรือถุงมือใช้แล้วทิ้งเช่นถุงมือแพทย์ ถุงมือไนไตร ถุงมือไวนิล

  • แพ้ยาง! หากแพ้ถุงมือยาง ควรทำอย่างไร

    ถุงมือแพทย์ถุงมือแพทย์ที่ใช้ หากแพ้ยางจากถุงมือต้องทำอย่างไร? ถุงมือแพทย์จากยางธรรมชาตินั้น ได้มาจากต้นยางพารา ซึ่งเดิมจะเป็นน้ำยางมีลักษณะเป็นนของเหลวขุ่นข้น แล้วผ่านกระบวนการผลิตจนเป็นถุงมือยางชนิดถุงมือแพทย์ ซึ่งในบางครั้งอาจเกิดปัญหาเรื่องการแพ้ยางกับผู้สวมใส่ อันที่จริงไม่ได้เกิดจากยางหรอกครับ แต่ปัญหาเรื่องการแพ้ยางจะเกิดเพราะโปรตีนที่อยู่ในยางธรรมชาติมากกว่า ตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา โปรตีนจากยางธรรมชาติซึ่งใช้ในการผลิต ถุงมือยาง ถุงยาง ลูกโป่ง หนังยาง ยางลบ และของเล่น ได้สร้างปัญหาแก่ผู้สวมใส่ที่มีอาการแพ้ จวบจนกระทั่งในปี 1990 ได้มีกาคิดค้นยางสังเคราะห์ หรือยางธรรมชาติแบบชนิดไม่มีแป้งขึ้นมาได้ ทำให้ปัญหาเรื่องการแพ้แป้งลดลงไปอย่างมาก

  • ถุงมือไนไตร: ดีอย่างไร ต่างจากถุงมือยางธรรมชาติอย่างไร

    ถุงมือไนไตรทำมาจากยางสังเคราะห์ (synthetic latex) โดยถุงมือไนไตรใช้เพื่อป้องกันของมีคมบาดมือหรือนิ้ว เนื่องจากถุงมือไนไตรมีความเหนียว ทนต่อของมีคมเป็นพิเศษและทนต่อการขาด โดยเฉพาะอย่ายิ่งเมื่อเปลี่ยบเทียบกับถุงมือแมีพทย์มีแป้งและไม่มีแป้งก็ตาม ถุงมือไนไตรสีฟ้า สีม่วงหรือไม่ว่าสีใดๆ จะมีความทนทานมากกว่า 3 เท่าโดยเฉลี่ยในแง่ของทั้งทนต่อของมีคม และหรือสารละลาย หรือสารเคมีอื่นๆ เมื่อเปรียบเทียบกับถุงมือยางธรรมชาติแล้ว ถุงมือไนไตรค่อนข้างลื่นกว่าสามารถสวมใส่ได้ง่ายกว่าถุงมือยางธรรมชาติ นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ถุงมือไนไตรเป็นที่นิยมมากกว่าถุงมือไวนิล และถุงมือยางธรรมชาติ ยิ่งกว่านั้นถุงมือไนไตรยังมีคุณสมบัติทนต่อสารเคมี จำพวกสารละลาย อย่างไรก็ตามครับ เมื่อท่านจะซื้อถุงมือไนไตร สิ่งที่ควรทราบสำหรับถุงมือนี้มีหลายข้อดังนี้

  • ถุงมือไนไตรกับกระบวนการแปรรูปสุกร

    สุกร (swine) ถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญมากในประเทศไทย ชาวไทยบริโภคสุกรเป็นจำนวนมากในแต่ละปี และยังมีปริมาณมากพอที่จะส่งออกเพื่อสร้างรายได้ให้แก่กระเทศเป็นจำนวนมากในแต่ละปีอีกด้วย และการส่งออกสุกรนั้น สร้างรายได้ให้กับผู้เกี่ยวข้องในส่วนต่างๆของ ห่วงโซ่อุปทานนี้ไม่น้อยในแต่ละปี ตั้งแต่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร จนถึงผู้ค้าปลีกเนื้อสุกรในตลาด รวมถึงผู้ค้าผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคสุกรและการเลี้ยงสุกรอีกด้วย ทั้งนี้ยังมีผู้เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานอีกประเภทที่เราจะขาดเสียไม่ได้เลย ก็คือผู้ชำแหลและแปรรูปสุกร ซึ่งหากปราศจากขั้นตอนนี้แล้ว เราคงจะไม่มีเนื้อหรือส่วนต่างๆเอาไว้บริโภคเป็นแน่ และกระบวนการนี้มีความซับซ้อนมากกว่าการฆ่าและชำแหละเป็นชิ้นๆ การชำแหละและแปรรูปสุกรที่ถูกต้อง จะต้องคำนึงถึงสุขอนามัยของผู้บริโภคและธรรมาภิบาลในการดูแลสัตว์อย่างถูกต้องตามหลักการและมาตรฐานอื่นๆที่จำเป็นอีกด้วย ปัจจุบันมีโรงงานผลิตและแปรรูปสุกรจำนวนมากกระจายอยู่ตามภาคต่างๆ โดยหลักการแล้วเราอาจสงสัยว่าโรงงานหรือกระบวนการแปรรูปสุกรที่มีคุณภาพนั้นเป็นอย่างไร กระบวนการแปรรูปสุกร ก่อนที่เราจะนำสุกรมาผ่านการแปรรูป เราต้องควบคุมคุณภาพเนื้อสุกรตั้งแต่เริ่มต้น ต้องเริ่มตั้งแต่การผสมพันธุ์ โดยในปัจจุบันจะใช้การผสมเทียม ฉีดน้ำเชื้อเข้าไปที่ตัวแม่พันธุ์ และรอจนกระทั่งแม่สุกรคลอดลูกสุกรออกมา ในคราวหนึ่งจะคลอดประมาณ 10 ตัว หลังจากที่ลูกสุกรอยู่กับแม่สุกรไประยะหนึ่ง ก็จะแยกตัวลูกออกมาเลี้ยงในโรงอนุบาลลูกสุกรต่างหาก จนลูกสุกรเติบโตได้ขนาดที่เหมาะสมแล้ว ก็จะส่งไปโรงขุนเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้ได้น้ำหนักที่ต้องการ เมื่อได้น้ำหนักที่ต้องการแล้ว ซึ่งปัจจุบัน จะอยู่ที่ประมาณตัวละ 100 กิโลกรัม ก็จะทำการขายสุกรนั้นออกไปให้แก่โรงชำแหละ