ถุงมือไนไตรกับกระบวนการแปรรูปสุกร

ชำแหละและแปรรูปสุกร สุกร (swine) ถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญมากในประเทศไทย ชาวไทยบริโภคสุกรเป็นจำนวนมากในแต่ละปี และยังมีปริมาณมากพอที่จะส่งออกเพื่อสร้างรายได้ให้แก่กระเทศเป็นจำนวนมากในแต่ละปีอีกด้วย และการส่งออกสุกรนั้น สร้างรายได้ให้กับผู้เกี่ยวข้องในส่วนต่างๆของ ห่วงโซ่อุปทานนี้ไม่น้อยในแต่ละปี ตั้งแต่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร จนถึงผู้ค้าปลีกเนื้อสุกรในตลาด รวมถึงผู้ค้าผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคสุกรและการเลี้ยงสุกรอีกด้วย

ทั้งนี้ยังมีผู้เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานอีกประเภทที่เราจะขาดเสียไม่ได้เลย ก็คือผู้ชำแหลและแปรรูปสุกร ซึ่งหากปราศจากขั้นตอนนี้แล้ว เราคงจะไม่มีเนื้อหรือส่วนต่างๆเอาไว้บริโภคเป็นแน่ และกระบวนการนี้มีความซับซ้อนมากกว่าการฆ่าและชำแหละเป็นชิ้นๆ การชำแหละและแปรรูปสุกรที่ถูกต้อง จะต้องคำนึงถึงสุขอนามัยของผู้บริโภคและธรรมาภิบาลในการดูแลสัตว์อย่างถูกต้องตามหลักการและมาตรฐานอื่นๆที่จำเป็นอีกด้วย

ปัจจุบันมีโรงงานผลิตและแปรรูปสุกรจำนวนมากกระจายอยู่ตามภาคต่างๆ โดยหลักการแล้วเราอาจสงสัยว่าโรงงานหรือกระบวนการแปรรูปสุกรที่มีคุณภาพนั้นเป็นอย่างไร

กระบวนการแปรรูปสุกร

ก่อนที่เราจะนำสุกรมาผ่านการแปรรูป เราต้องควบคุมคุณภาพเนื้อสุกรตั้งแต่เริ่มต้น ต้องเริ่มตั้งแต่การผสมพันธุ์ โดยในปัจจุบันจะใช้การผสมเทียม ฉีดน้ำเชื้อเข้าไปที่ตัวแม่พันธุ์ และรอจนกระทั่งแม่สุกรคลอดลูกสุกรออกมา ในคราวหนึ่งจะคลอดประมาณ 10 ตัว หลังจากที่ลูกสุกรอยู่กับแม่สุกรไประยะหนึ่ง ก็จะแยกตัวลูกออกมาเลี้ยงในโรงอนุบาลลูกสุกรต่างหาก จนลูกสุกรเติบโตได้ขนาดที่เหมาะสมแล้ว ก็จะส่งไปโรงขุนเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้ได้น้ำหนักที่ต้องการ เมื่อได้น้ำหนักที่ต้องการแล้ว ซึ่งปัจจุบัน จะอยู่ที่ประมาณตัวละ 100 กิโลกรัม ก็จะทำการขายสุกรนั้นออกไปให้แก่โรงชำแหละ

กระบวนการชำแหละสุกร

เริ่มต้นจากกระบวนการชำแหละเนื้อสุกรเลยครับ โดยเมื่อถึงโรงชำแหละ สุกรจะถูกนำเข้าโรงชำแหละโดยผ่านขั้นตอนต่างๆ ในปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวล้ำไปมาก บางโรงงานนั้นมีขั้นตอนการชำแหละโดยใช้เครื่องจักรต่างๆเข้ามาช่วย แต่ขั้นตอนโดยทั่วไปในการชำแหละสุกรก็คล้ายคลึงกันก็คือ การฆ่าสุกรหลังจากนั้นจะถอนขนสุกรออก หลังจากที่ฆ่าและถอนขนออกแล้ว จะทำการแยกส่วนหัวออก และนำเครื่องในทั้งหมดออกมาทั้งหมด หลังจากนั้นจะผ่าสุกรออกเป็นสองส่วน จากส่วนด้านบนถึงด้านล่าง และสุกรที่ชำแหละเรียบร้อยแล้วนี้ ก็จะถูกส่งขายให้กับพ่อค้าเนื้อสุกร ตามตลาด ร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงแรมต่างๆที่ใช้เนื้อสุกรเป็นเมนูในการทำอาหาร รวมถึงโรงงานแปรรูปต่างๆ ที่ใช้เนื้อสุกรเป็นหลัก หรือเป็นส่วนผสมต่อไป

Right002

ในกรณีที่ส่งให้กับพ่อค้าเนื้อสุกร หรือตามร้านอาหารนั้น สุกรก็จะถูกนำไปปรุงอาหารเป็นส่วนมากจะเป็นอาหารสด สุดแล้วแต่ผู้ที่ซื้อเนื้อไปจะนำไปบริโภค แต่ในขั้นตอนการชำแหละเนื้อสุกรนั้น จะมีส่วนที่เหลือของตัวสุกรที่ไม่สามารถนำไปขายต่อได้ ผู้ประกอบการโรงชำแหละก็จะแก้ไขปัญหาด้วยการ นำชิ้นส่วนที่เหลือของสุกรเหล่านี้ออกขายให้กับพวกโรงงานแปรรูปไปทำผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากเนื้อสุกรต่างๆ อาทิเช่น ลูกชิ้น แหนมและหมูยอ เป็นต้น

ถุงมือที่เหมาะสำหรับโรงงานชำแหละเนื้อสุกร

จากกระบวนการชำแหละเนื้อในข้างต้น จะเห็นได้ว่ากระบวนการชำแหละเนื้อสุกรจะต้องมีการสัมผัส เลือดและไขมันสัตว์ ดังนั้นถุงมือที่ใช้ต้องมีความทนทานต่อไขมันและน้ำมันเป็นพิเศษ นอกจากนี้การชำแหละสุกร แม้ว่าจะมีเครื่องจักรช่วยในการทำงานแต่ก็ต้องใช้แรงงานคนจำนวนไม่น้อย และเป็นงานที่หนักมาก ถุงมือที่ใช้นอกจากต้องทนต่อน้ำมันและไขมันแล้ว ยังต้องทนทานต่องานหนักๆอีกด้วย ดังนั้นถุงมือไนไตรจึงเป็นถุงมือที่นิยมใช้ในกระบวนการดังกล่าว

หากเราใช้ถุงมือแพทย์จากยางธรรมชาติหรือถุงมือไวนิล อาจไม่เหมาะสม เนื่องจากเป็นถุงมือที่ไม่สามารถทนต่อไขมันหรือน้ำมันได้ดี ถุงมืออาจละลาย (ขาด)ระหว่างทำงานได้ครับ

นอกจากนี้โรงงานแปรรูปสุกรส่วนใหญ่จะมีห้องเย็นเพื่อเก็บเนื้อสุกรแปรรูป ดังนั้นถุงมือไนไตรจึงเป็นถุงมือที่เหมาะสมกับการทำงานดังกล่าวเนื่องจากเป็นถุงมือที่ทนต่ออุณหภูมิต่ำและอุณภูมิที่สูงได้ดี (ดูรายละเอียดเกี่ยวกับถุงมือยางไนไตรได้ที่นี่ครับ)

ดังนั้นหากท่านต้องการถุงมือไนไตรที่มีคุณภาพดีราคาถูก สามารถติดต่อเราได้ทุกเวลาครับ (คลิ๊ก)

กระบวนการแปรรูปสุกร

การแปรรูปสุกรเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆนั้น มีประโยชน์หลายด้าน กับทุกฝ่าย เริ่มตั้งแต่ในแง่ของผู้ชำแหละนั้น สามารถสร้างรายได้จากเนื้อสุกรที่เหลือจากการชำแหละ และไม่สามารถนำไปขายกับพ่อเค้าเนื้อสุกร หรือตามร้านอาหารได้ โดยขายให้แก่โรงงานที่จะมารับซื้อ เพราะโรงงานเหล่านี้ก็จะนำเศษเหล่านั้นไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆต่อไปได้ และในส่วนของผู้ประกอบการแปรรูปเนื้อสุกรนี้ ก็สามารถทำกำไรได้มากขึ้น จากการนำเนื้อสุกรที่เหลือจากการชำแหละมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ และนอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปแล้ว สามารถสร้างผลกำไรให้กับผู้ผลิตได้มากกว่าการขายเนื้อสุกรเพียงอย่างเดียว และการนำเนื้อสุกรไปปรุงอาหารนั้น ก็ไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน การแปรรูปจึงถือเป็นทางเลือกที่ดีของผู้ประกอบการในการทำกำไรเพิ่มขึ้น และสามารถเพิ่มระยะเวลาการขายสินค้าและผลิตภัณฑ์จากวัตถุดิบจำนวนเท่าเดิม หรือน้อยกว่าเดิม ทำให้สามารถส่งขายต่างประเทศได้ เพิ่มตลาด ขยายตลาดหารายได้ให้กับประเทศได้ดียิ่งขึ้น

ผลิตภัณฑ์สุกรแปรรูป

สุดท้ายในส่วนของผู้บริโภคก็จะได้รับประโยชน์เช่นกัน ผู้บริโภคจะมีทางเลือกมากขึ้นในการบริโภคอาหารที่หลากหลายจากสุกร เช่น หมูหยอง หมูแผ่น ลูกชิ้นหมู แหนม หมูยอ และอื่นๆ นอกจากนี้ การบริโภคผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสุกรบางประเภทที่เก็บไว้ได้นานนั้น ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายภายในครัวเรือนเป็นผลประโยชน์ทางอ้อมได้อีกด้วย

แม้ว่าในการแปรรูปสุกรจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจได้มากและสร้างประโยชน์ให้กับผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายก็ตาม แต่ในปัจจุบันการแปรรูปสุกรเพื่อการค้านั้น ถือว่ายังมีสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับการค้าสุกรทั้งหมด ซึ่งจะเป็นการขายเนื้อสุกรสดเสียส่วนใหญ่ ซึ่งจากประโยชน์อันมากมายของการแปรรูปสุกรนี้

จะเห็นได้ว่า หากมีการส่งเสริมให้มีการแปรรูปสุกรอย่างจริงจัง จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงสุกรดีขึ้นเป็นอย่างมากแน่นอน โดยในปัจจุบันทั้งภาครัฐ และสมาคมผู้ผลิตและแปรรูปสุกรเพื่อการส่งออก (Swine Producers and Processors for Exporting Association) ได้ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนเกษตรกรและผู้ที่สนใจต้องการเป็นผู้ประกอบการแปรรูปสุกรให้มีความสามารถทางการแข่งขัน และมีความรู้ ความเข้าใจในการแปรรูปสุกรมากยิ่งขึ้น ถือเป็นโอกาสอันดีที่เราจะสร้างรายได้ให้แก่ประเทศได้อย่างมาก

— : สงวนลิขสิทธิ์ภาพและบทความครับ : —

บทความที่น่าสนใจ

Similar Posts